การสอบ TOEFL แบบ IBT

การสอบ TOEFL แบบ IBT

เป็นการสอบทักษะภาษาอังกฤษแบบบูรณาการ เป็นการสอบที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งการพูด ฟัง อ่าน และเขียนในการสอบ โดยการสอบในแต่ละส่วนจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด ผู้สอบต้องตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด เพราะหมายความว่าเราเราจะตอบ พูด หรือเขียนไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่แรก

การสอบแบบใหม่ช่วยลบจุดด้อยของนักศึกษาต่างชาติบางคนที่ได้คะแนนสอบดี แต่ไม่สามารถสื่อสาร นำเสนองานผ่านการพูดจาเป็นภาษาอังกฤษได้ดีอย่างที่ควรเป็น การสอบครั้งใหม่นี้จึงเหมือนการจำลองการเข้าไปศึกษาจริงในสถาบันการศึกษา ต่างๆ ที่อาจารย์ผู้สอนได้พูดถึงบทเรียนต่างๆ และการให้การบ้านเพื่อให้ทำรายงาน และนำเสนอต่อหน้าอาจารย์ เรียกว่าการสอนในระบบใหม่นี้ ไม่ได้ใช้เพียงทักษะด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ในการสอบแต่ละส่วนแต่การสอบในแต่ละส่วนในส่วนต้องใช้ทักษะอื่นด้วย เช่น การสอบเขียน ต้องฟังสิ่งสิ่งที่เขาพูด หรือสิ่งที่เขาให้มาตั้งแต่เริ่มสอบจนเข้าใจเสียก่อนที่จะเขียนตอบได้ ไม่ใช่ให้เขียนตามโจทย์ที่ให้มาแบบ Essay ในแบบเดิมอีก ซึ่งระบบใหม่ทำให้รับรู้ถึงทักษะทางภาษาอังกฤษของแต่ละคนอย่างแท้จริง

สำหรับการสอบ TOEFL แบบ IBT จะใช้เวลาสอบประมาณ 4 ชั่วโมง โดยเน้นการวัดความรู้ทางภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการ เพื่อใช้ความรู้ทางภาษาไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับสูง โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 4 ทักษะ ดังนี้

Reading
เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจของการอ่านในเชิงวิชาการของผู้สอบ โดยผู้สอบต้องตอบคำถามจากบทความ 3 บทความ ในแต่ละบทจะต้องตอบคำถาม 12-15 ข้อ ส่วนนี้ต้องทำข้อสอบรวม 39ข้อใช้เวลา 60 นาที ระดับคะแนนจะอยู่ที่ 0-30คะแนน

Listening
เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจในการฟังภาษาอังกฤษ ผู้สอบต้องฟังบทสนทนาในประเด็นทั่วไป 2 เรื่อง และ สถานการณ์จำลองในห้องเรียน 4 เรื่อง ต้องตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยินแต่ละบทสนทนา และเรื่องที่ได้ฟัง โดยส่วนนี้ต้องทำข้อสอบ 35 ข้อใช้เวลา 60 นาที

Writing
เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจในการเขียนในเชิงวิชาการ โดยผู้สอบต้องแสดงความสามารถในการใช้ภาษา และการคิดวิเคราะห์ การพัฒนาความคิดในประเด็นที่ได้อ่านจากข้อสอบ 2 ข้อใช้เวลา 55 นาที

Speaking
เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจในการพูดภาษาอังกฤษเนื้อหาเชิงวิชาการ ผู้สอบต้องตอบคำถามด้วยการพูด รวม 6 ข้อ หลังจากอ่านบทความ และการฟังบรรยายในแต่ละประเด็นข้อสอบใช้เวลา 20นาที ระดับ คะแนนจะอยู่ที่ 0-30คะแนนข้อสอบ

ข้อมูลจาก : เวปไซด์ TSL

ข้อสอบtoefl

LISTENING COMPREHENSION: PART A: QUESTIONS 1-30: SHORT CONVERSATIONS

ON THIS PART OF THE PBT, YOU WILL HEAR 30 SHORT CONVERSATIONS. LISTEN CAREFULLY TO THE SPEAKERS.

LISTENING PART A. MEANING QUESTIONS.

EX.1

Man: I've heard that the new Chemistry class is really difficult.

Woman: Oh, I wouldn't say that. I took Chemistry 402 last quarter, and I think the course went very smoothly.

Narrator: What does the woman mean?

(A) The chemistry class is very tough.

(B) The chemistry class is not teaching this quarter.
(C) The chemistry class is easier than the man thinks.
(D) The chemistry class should be avoided if possible.

"Oh, I wouldn't say that" indicates that the woman disagrees with the man. The best answer is C.

EX.2

Woman: I've heard great things about that movie that just came out. You want to go see it tonight?


Man: I'd love to, but I've got a history final in two days, and I haven't studied all quarter. I think I'd better take a rain check this time.

Narrator: What does the man mean?

(A) He needs to take a break from his studying.
(B) He loves the woman very much.
(C) He doesn't like going out in the rain.
(D) He will not be able to accompany the woman.

"I'd better take a rain check this time" means that the person "cannot do the activity." The correct answer is D.

EX.3

Woman: The bus isn't supposed to arrive at this stop for another 30 minutes. I guess we'll just have to wait until it comes.

Man: Normally I'd agree with you, but I'm only going to the next stop, and I feel like stretching my legs.

Narrator: What does the man mean?

(A) He is going to wait for the bus.
(B) He is going to wait for thirty minutes only.
(C) He is going to walk to his destination.
(D) He injured his legs and will return home.

"I feel like stretching my legs" means that the man "feels like walking." The correct answer is C.

EX.4

Man: How did you feel about the movie?

Woman: I was really moved by the performances. What did you think?

Man: I found them uneven: strong in some scenes, weak in others.

Narrator: What does the man mean?

(A) He has never seen a better movie.
(B) He thought the acting lacked consistency.
(C) He doesn't think the actors performed well.
(D) He had already seen the movie.

"Uneven" means "inconsistent"; the correct answer is B.

EX.5

Woman: It's burning up in here. When is the technician supposed to arrive?

Man: I called the company over an hour ago. They said she was on her way.

Woman: Yea, but the last time it took days for them to send someone out.

Man: You're right, it's anybody's guess when she'll show up.

Narrator: What do these people mean?

(A) She will come at any moment.
(B) She should arrive soon.
(C) There's no way to know when she'll arrive.
(D) They thought she would already have arrived.

"It's anybody's guess" means that there is "no way to know exactly when" the person will arrive. The correct answer is C.

[Skip To Grammar Review 1]

LISTENING PART A. IMPLICATION QUESTIONS.

EX.6

Woman: The milk in the refrigerator is sour. I don't think it's drinkable.

Man: No joke. The expiration date was three weeks ago.


Narrator: What does the man imply?

(A) The woman has an extremely sour disposition.

(B) They need to replace the refrigerator.

(C) The woman is just kidding.
(D) It's not surprising the milk has ruined.

EX.7

Man: It looks like Jane is coming apart at the seams. I think she should seek psychological help.

Woman: Oh, I wouldn't say that. She seems to be coping with her problems reasonably well.

Narrator: What does the woman imply?

(A) Jane is not losing emotional control.
(B) Jane is more intelligent than she seems.
(C) Jane made an excellent copy of the parts.
(D) Jane wouldn't say that.




Answers: Ex.6: D, Ex. 7: A

Saturday, April 19, 2008

รายละเอียดของข้อสอบ GMAT

รายละเอียดของข้อสอบ GMAT

รายละเอียดของข้อสอบ GMAT
วันที่ 17 มีนาคม 2549
เรียบเรียงโดย: ดร.สิระ สุทธิคำ, สถาบัน Kendall Square
www.ToeflThailand.com

Graduate Management Admission Test หรือข้อสอบ GMAT เป็นข้อสอบที่ใช้วัดความสามารถของผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกสาขาบริหารธุรกิจซึ่งรวมทั้ง MBA, M.S. Marketing, M.S. Finance, MIS (สำหรับสาขา MIS ของบางมหาวิทยาลัยอาจต้องใช้คะแนน GRE แทน), DBA, และ Ph.D. ด้านบริหารธุรกิจส่วนใหญ่ต้องใช้คะแนน GMAT ในการพิจารณารับนักศึกษา

ภาพรวมของข้อสอบ
เป็นการวัดความรู้ในการสื่อสารซึ่งรวมทั้งการอ่านและการเขียน, ทักษะการวิเคราะห์, และ ทักษะในการคำนวณ ที่จะสามารถใช้เป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จในการเรียนต่อทางด้านบริหารธุรกิจ
จาก website ของผู้ออกข้อสอบ
www.mba.com ระบุไว้ชัดเจนว่าข้อสอบ GMAT ไม่สามารถใช้วัดความสามารถในเรื่องต่อไปนี้

• ความรู้เฉพาะทางของธุรกิจเช่น มาตรฐานของบัญชี หรือ กฎหมายธุรกิจ
• ทักษะเฉพาะด้านของงาน (specific job skill) หรือเนื้อหาจากบทเรียนระดับปริญญาตรีด้านบัญชีและบริหาร
• คุณสมบัติอื่นของการเป็นนักธุรกิจที่ดีเช่นความมุ่งมั่น, ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์, และความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น

รูปแบบของข้อสอบและเวลา
ข้อสอบ GMAT ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วนคือ 1. การเขียน (Analytical Writing Assessment) 2. คณิตศาสตร์ (Quantitative) และ 3. ภาษาอังกฤษ (Verbal)

ข้อสอบการเขียน (AWA)
ข้อสอบ GMATเริ่มจากการทำข้อสอบเขียนก่อนเสมอ โดยจะมีรูปแบบของข้อสอบ 2 ลักษณะได้แก่ 1.การเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็น (Issue) และ 2.การเขียนเพื่อแสดงวิจารณ์บทความ (Argument) ผู้เข้าสอบจะมีเวลา 30 นาทีต่อหนึ่ง essay

ข้อสอบคณิตศาสตร์ (Quantitative)
หลังจากการพักจากข้อสอบการเขียน 10 นาที ผู้เข้าสอบจะต้องทำโจทย์เลขแบบ multiple-choice จำนวน 37 ข้อโดยมีรูปแบบของข้อสอบสองลักษณะนั้นคือ 1. Problem Solving ~24 ข้อ และ 2. Data Sufficiency ~13 ข้อ โดยมีเวลาทำข้อสอบทั้งสิ้น 75 นาที คอมพิวเตอร์จะหยุดการทำงานทันทีเมื่อเวลาหมด

ข้อสอบภาษาอังกฤษ (Verbal)
หลังจากการพักจากข้อสอบคณิตศาสตร์แล้ว ผู้เข้าสอบสามารถพักหรือทำข้อสอบภาษาอังกฤษ (Verbal) ต่อเนื่องเลยได้ โดยข้อสอบส่วนนี้จะเป็นโจทย์แบบ multiple-choice จำนวน 41 ข้อโดยมีรูปแบบของข้อสอบสามลักษณะนั้นคือ 1. การอ่าน (Reading Comprehension) ~14 ข้อ 2. การวิเคราะห์ (Critical Reasoning) ~14 ข้อและ 3. ไวยกรณ์และการเขียน (Sentence Correction) ~13 ข้อ โดยมีเวลาทำข้อสอบทั้งสิ้น 75 นาที คอมพิวเตอร์จะหยุดการทำงานทันทีเมื่อเวลาหมด

สมัครสอบ GMAT อ่าน
http://www.mba.com/mba/TaketheGMAT

จะสอบ GMAT ต้องอ่าน http://www.toeflthailand.com

2 comments:

exteem said...

รายละเอียดของข้อสอบ TOEFL iBT

รายละเอียดของข้อสอบ TOEFL iBT
วันที่ 16 มีนาคม 2549
เรียบเรียงโดย: ดร.สิระ สุทธิคำ, สถาบัน Kendall Square

จุดมุ่งหมายของ TOEFL
TOEFL เป็นข้อสอบที่ใช้ประเมินความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษของผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ในช่วงปี 2006 ประเมินว่าจะมีผู้ที่สมัครสอบข้อสอบ TOEFL กว่า 700,000 คน เราจึงสามารถกล่าวได้ว่า TOEFL เป็นการสอบทางภาษาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด และข้อสอบ TOEFL ได้ใช้เป็นต้นแบบสำหรับข้อสอบอื่นรวมทั้งข้อสอบ CU-TEP, TU-GET, IELTS รวมทั้งข้อสอบภาษาอังกฤษของ ก.พ.

โครงสร้างของข้อสอบ
ข้อสอบ TOEFL iBT วัดความสามารถการใช้ภาษาใน 4 ทักษะคือ Reading, Listening, Writing, และ Speaking (ข้อสอบรูปแบบ iBT ยากกว่าข้อสอบเดิมมากหากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ToeflThailand.com)

ข้อสอบ TOEFL iBT ได้เปลี่ยนไปจากข้อสอบ TOEFL CBT และ TOEFL PBT มาก มีการเพิ่มข้อสอบวัดทักษะในการพูดแบบเสนอผลงาน (presentation) และการทดสอบทักษะการใช้ภาษาหลายอย่างพร้อมกัน (integrate task) โดยมีรูปแบบของข้อสอบดังนี้

Reading เป็นการวัดความสามารถในการอ่าน

* 3 เรื่อง (39 ข้อ)
* 60 นาที
* คะแนน 0-30
* ข้อสอบ TOEFL ในส่วนการอ่านมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมน้อยมาก ได้นำโจทย์ประเภทสรุปใจความมาใช้เป็นครั้งแรก และให้คะแนนในบางข้อสูงถึง 3-5 คะแนน

Listening เป็นการวัดความสามารถในการฟัง

* ประกอบด้วยข้อสอบ 2 ประเภท (1) Academic Lecture 4 เรื่อง (24 ข้อ) และ (2) Campus Conversation 2 เรื่อง (10 ข้อ)
* 60 นาที
* คะแนน 0-30
* มีการเปลี่ยนแปลงข้อสอบจากเดิมบ้างเช่น บทสนทนาแบบสั้นถูกตัดออกทั้งหมด, มีการนำสำเนียงอื่นที่ไม่ใช้สำเนียง American มาทดสอบ, และการนำโจทย์ประเภทการสื่อความหมายมาทดสอบเป็นครั้งแรกด้วย

Writing เป็นการวัดความสามารถในการเขียน

* ประกอบด้วยข้อสอบ 2 ประเภท (1) Integrated Reading + Listening 1 ข้อ และ (2) Independent 1 ข้อ
* 55 นาที
* คะแนน 0-30 โดยมีคะแนนดิบ (raw score) สำหรับแต่ละงานเขียนระหว่าง 1-5 คะแนน
* เพิ่มข้อสอบประเภท Integrate taskซึ่งยากสำหรับนักเรียนไทยที่ไม่ถนัดการเขียนในเชิงวิเคราะห์และต้องใช้ทักษะในการอ่านและฟังเข้ารวมด้วย (หลักสูตรของ Kendall สามารถช่วยคุณได้อ่าน http://www.ToeflThailand.com)

Speaking เป็นการวัดความสามารถในการพูด

* ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ประเภท (1) Independent 2 ข้อ (2) Integrated Reading + Listening 2 ข้อ และ (3) Integrated Listening 2 ข้อ
* 20 นาที
* คะแนน 0-30 โดยมีคะแนนดิบ (raw score) สำหรับแต่ละการพูดระหว่าง 1-4 คะแนน
* ผู้ออกสอบได้กล่าวอ้างว่าข้อสอบ Speaking เป็นข้อสอบที่เป็นระบบใหม่แบบ “ยังไม่ถอดด้าม” (New! Everything) แต่หลายข้อมีความคล้ายคลึงกับข้อสอบ TSE (Test of Spoken English) ซึ่งสถาบัน Kendall จะนำมาประยุกต์ใช้ในหลักสูตร TOEFL iBT ของสถาบัน

L4bs Admin said...

I can recommend to you a professional hacker very skilled in database infiltration and grades hacking . Got so much help from him with my Edexcel exam grades . he is very prompt to work with 95% success rate. Call or text 657-206-0377 or send an email to y3llowl4bs@protonmail.com