เวลาที่ใช้ในการสอบแต่ละส่วน และจำนวนคำถาม
การเตรียมตัว (Tutorials) ไม่จำกัดเวลา แต่ทั้งนี้ไม่ควรจะนานมาก เพราะว่า เวลารวมทั้งสิ้นต้องไม่เกิน สี่ชั่วโมง เป็นการฝึกใช้คอมพิวเตอร์ในการสอบ ทางที่ดีควรจะฝึกซ้อมมาก่อน
การฟัง(Listening) ทดสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษแบบอเมริกาเหนือ ใช้เวลา40-60 นาที จำนวน 30-50 ข้อ
ไวยากรณ์ (Structure) 15-20 นาที จำนวน 20-25 ข้อ
จากนั้นพัก 5 นาที
การอ่าน (Reading) ทดสอบความเข้าใจในการอ่านเรื่องสั้นๆ ใช้เวลา 70-90 นาที จำนวน 44-55 ข้อ
การเขียน (Writing) ทดสอบความสามารถในการเขียนความเรียงในหัวข้อที่กำหนดให้ หนึ่งหัวข้อ ในเวลา 30 นาที
ลักษณะคำถาม
ส่วนใหญ่แล้วเป็นแบบปรนัย หรือ มีคำตอบให้เลือกตอบ แต่ปัจจุบันมีคำถามลักษณะใหม่ๆ ออกมาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น คำถามที่ให้เลือกภาพในการตอบ หรืออาจเป็นคำถามที่มีหลายคำตอบ หรือ ให้เรียงลำดับสิ่งของ หรือ จับคู่ให้เป็นหมวดหมู่
สมัครสอบได้ที่ไหน อย่างไร
สำหรับประเทศไทย สามารถติดต่อ Institute of International Education (IIE) ชั้น 9 ตึกซิตี้แบงค์ 82 ถ.สาทรเหนือ บางรัก กทม. 10500 โทร. 639-2700-2 E-mail : iiethai@bkk.iie.org ผู้สนใจสมัครสอบควรทำการสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสถานที่สอบ และวันเวลาที่สอบที่แน่นอน
ซึ่งทำได้โดยการ โทรศัพท์ปรึกษา จดหมาย อีเมล์ หรือ แฟกซ์ เพื่อขอรับ คู่มือ คลิกที่นี่ และใบสมัครสอบ คลิกที่นี่ กรอกแบบฟอร์ม แล้วส่งไปยัง iie พร้อมกับ เงิน 110 ดอลลาร์ สหรัฐ ซึ่งชำระด้วย ดราฟท์ (Bank Draft) เท่านั้น
สอบเมื่อไหร่
มีการสอบตลอดทั้งปี แต่ว่า ต้องสมัครอย่างน้อย สามวันก่อน วันที่ เลือกสอบ และสามารถสอบได้เพียงเดือนละครั้งเท่านั้น เดือนที่มีการสอบมากที่สุดคือ ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม เมษายน และ พฤษภาคม หากสมัครแล้ว ต้องการยกเลิกการสอบในครั้งนั้น ผู้สมัครจะได้รับเงินคือ 65 ดอลลาร์สหรัฐ โดยการกรอกแบบฟอร์มขอคืนเงิน สามารถดาวน์โหลด ได้ที่นี่
เมื่อสอบแล้วต้องการยกเลิกคะแนนสอบในครั้งนั้น สามารถทำได้ เพียงแต่ให้รอสอบใหม่ในเดือนต่อไป
หลักฐานสำคัญในการเข้าห้องสอบ
บัตรประจำตัวผู้สอบ ที่ติดรูปมาเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญต้องติดด้วยกาว หรือ เทปใส เท่านั้น หากไม่ได้รับบัตรประจำตัวสอบ ควรจด รหัส สถานศึกษาที่ต้องการให้จัดส่งใบแจ้งผลการสอบ และหลักฐานที่ออก โดยทางราชการ ที่สามารถแสดงได้ว่าเราคือผู้เข้าสอบ อาทิ พาสปอร์ต หรือ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวข้าราชการ บัตรประจำตัวพนักงานหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ จดหมายรับรองตามที่ ETS กำหนดรูปแบบไว้
กฎ ระเบียบและขั้นตอนในการสอบ
สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติ ของการสอบนั้น แต่ละศูนย์สอบ จะมีขั้นตอนที่เหมือนกัน เพื่อความยุติธรรม สำหรับผู้เข้าสอบทุกท่าน โดยที่ทุกแห่ง จะมีมาตรฐานเดียวกันหมด ซึ่งเป็นดังต่อไปนี้
1. ผู้คุมสอบ หรือเจ้าหน้าที่ จะเป็นผู้กำหนดที่นั่งสอบ ให้แก่ผู้สอบ โดยผู้สอบ จะไม่มีสิทธิ์เลือกที่นั่งสอบเอง
2. ผู้สอบจะต้องถึงสถานที่สอบ ไม่เกินเวลาที่ระบุไว้ ในบัตรประจำตัวผู้สอบ เพราะหลังจากที่เจ้าหน้าที่ ได้ส่งแบบทดสอบเข้ามาใน Computer แล้ว จะไม่ได้รับอนุญาต ให้เข้าสอบโดยเด็ดขาด
3. ก่อนจะเข้าสอบต้องมาลงทะเบียน กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่หน้าห้องก่อน โดยการป้อนข้อมูลส่วนตัว รวมทั้งรหัสผ่านให้ถูกต้อง และถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน เพราะฉะนั้น จะไม่มีการให้ใครมาสอบแทนได้
หลังจากที่ ได้เข้าห้องสอบแล้ว จะไม่สามารถออกจากห้องสอบได้อีก และเมื่อการสอบสิ้นสุดลง ต้องนั่งอยู่กับที่ จนกว่าผู้คุมสอบ จะอนุญาต ให้ออกจากห้องสอบได้
4. ในระหว่างการสอบ TOEFL จะไม่มีการหยุดพัก แต่จะมีช่วง Break ให้พักผ่อน 5 นาที นอกจากช่วง Break
ถ้าผู้เข้าสอบไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบที่ผู้คุมสอบ ได้แจ้งให้ทราบก่อนการสอบ อาจจะถูกไล่ออกจากห้องสอบ หรือถูกยกเลิกคะแนนสอบได้
5. ทางผู้จัดสอบจะไม่ทำการตรวจให้คะแนน สำหรับการสอบ TOEFL และจะไม่คืนค่าสอบ ให้แก่ผู้ใดในกรณีต่อไปนี้
- การพยายามเข้าสอบแทนผู้อื่น
- ได้รับการช่วยเหลือ หรือให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้เข้าสอบท่านอื่น
- ไม่ปฏิบัติตามที่ผู้คุมสอบแนะนำ
- อ่านและทำข้อสอบในส่วนอื่น ในขณะที่อนุญาตให้ทำอีกส่วนหนึ่ง หรือพยายามจะทำ ข้อสอบต่อเมื่อหมดเวลาแล้ว
- นำพจนานุกรม สมุดจด หนังสือ เศษกระดาษ นาฬิกาปลุก โทรศัพท์มือถือ เพจเจอร์ เครื่องช่วยฟัง หรืออุปกรณ์ถ่ายภาพใด ๆ เข้าห้องสอบ
- นำบุหรี่ หมากฝรั่ง ลูกอม อาหาร และเครื่องดื่มเข้ามาในห้องสอบ
- ออกจากห้องสอบโดยไม่ได้รับอนุญาติ
- ทำการจดคำถาม หรือคำตอบหรือคัดลอกสมุดคำถาม
- พยายามโกงการสอบไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
การฟัง Listening 0-30
ไวยากรณ์ และ การเขียน Structure/Writing 0-30
การอ่าน Reading 0-30
คะแนน รวม Total 0-300
คะแนนความเรียง Essay แบ่งเป็นเจ็ดระดับ คือ 0-6
ข้อสอบจะเพิ่มการสอบ Writing
ข้อแตกต่างระหว่างการสอบแบบ CAT และ CBT
จากที่เคยมีเพียงการสอบ Listening, Structure & Grammar, Reading Comprehension และผู้สอบมีสิทธิ์เลือกที่จะสอบ TWE หรือไม่สอบก็ได้นั้น จะเปลี่ยนเป็นการสอบ Listening, Structure & Grammar, Reading Comprehension และการสอบเขียน Essay โดยไม่มีการเลือก ทั้งนี้การทำข้อสอบในส่วน Listening และ Structure & Grammar จะใช้ Computer Adaptive Test (CAT ) คือ เมื่อผู้สอบ ตอบคำถามแต่ละข้อแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนคำตอบ หรือแก้ไข ได้ต้องทำข้อสอบข้อต่อไป แต่การทำข้อสอบในส่วน Reading Comprehension จะใช้ Linear Test คือผู้สอบสามารถ เปลี่ยนหรือ แก้ไขคำตอบได้
การสอบแบบ CAT
เป็นการสอบแบบ Adaptive ความยากง่ายของคำถามต่อ ไป ที่จะเจอ จะขึ้นอยู่กับ ความสามารถของผู้เข้าสอบในการทำข้อสอบในช่วงแรก ถ้าหากตอบคำถาม ได้ถูกต้องเป็นจำนวนมาก ข้อสอบก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ แต่หาก ทำผิดจำนวนมาก ข้อต่อ ไปจะได้รับการปรับเอง และจะเป็นข้อสอบที่ง่ายขึ้น จนถึงระดับที่ผู้สอบ สามารถตอบคำถาม ในระดับง่ายได้ถูกต้อง ระบบ CAT ก็จะเปลี่ยน ให้เป็นข้อสอบที่ยากขึ้นอีกครั้ง
การสอบแบบ CAt
เป็นการสอบแบบ Adaptive ความยากง่ายของคำถามต่อ ไป ที่จะเจอ จะขึ้นอยู่กับ ความสามารถของผู้เข้าสอบในการทำข้อสอบในช่วงแรก ถ้าหากตอบคำถาม ได้ถูกต้องเป็นจำนวนมาก ข้อสอบก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ แต่หาก ทำผิดจำนวนมาก ข้อต่อ ไปจะได้รับการปรับเอง และจะเป็นข้อสอบที่ง่ายขึ้น จนถึงระดับที่ผู้สอบ สามารถตอบคำถาม ในระดับง่ายได้ถูกต้อง ระบบ CAT ก็จะเปลี่ยน ให้เป็นข้อสอบที่ยากขึ้นอีกครั้ง ข้อดีของการสอบแบบ CAT 1. ผู้สอบสามารถสมัครสอบ ที่ศูนย์สอบใดก็ได้ ในเวลาใดก็ได้ ถ้าเป็นการสอบแบบเก่า จะสอบได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นวันเสาร์เท่านั้น 2. ผู้สอบ ไม่จำเป็นต้องมีทักษะ ทางคอมพิวเตอร์มากนัก เพราะก่อนการสอบ จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ และสอนเทคนิคการใช้คอมพิวเตอร์ ในการทำข้อสอบ 3. มีเวลาทำข้อสอบได้นานกว่าระบบเก่า 4. ความสำเร็จของการทำข้อสอบในระบบ CAT ขึ้นอยู่กับ ความสม่ำเสมอ ในการทำข้อสอบช่วงแรก เพราะไม่สามารถข้ามการทำข้อสอบ ในบางข้อได้ 5. สามารถทราบผลได้ทันที และหากไม่พอใจกับการทำข้อสอบก็สามารถยกเลิกการทำข้อสอบ ครั้งนั้น ได้ และสามารถสอบได้ใหม่ในเวลา 60 วัน เมื่อเทียบกับระบบเก่า อาจจะต้องรอผลการสอบถึง 60 วัน กว่าจะรู้ผล 6.รายงานผลคะแนน ของระบบใหม่ จะส่งไปถึงสถาบันการศึกษา ได้เร็วกว่าระบบเดิม ผลสอบ TOEFL สามารถใช้ได้เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่เข้าสอบเท่านั้น |
1. การเขียนชื่อ - นามสกุล ต้องสะกดชื่อ นามสกุล เป็นภาษาอังกฤษ ให้เหมือนกับในหลักฐานแสดงตัว โดยที่ใช้นามสกุลขึ้นต้นก่อน ตามด้วยชื่อจริง และจะต้องสะกดตามนี้ ทุกครั้งที่กรอกรายละเอียดลงบน ใบสมัคร
เมื่อต้องการเขียนจดหมาย ส่งแฟกซ์ ส่งอี-เมล์ หรือการติดต่อ กับ ETS ซึ่งเป็นผู้จัดสอบ
2. โดยปรกติแล้ว สถานที่จัดสอบ จะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ควรจะเตรียมส่งใบสมัครสอบ พร้อมกับการชำระค่าสอบล่วงหน้า อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนถึงวัน Deadline และควรจะใช้ใบสมัครสอบ ที่ทาง ETS จัดเตรียมไว้ให้ใน คู่มือการสมัคร เพราะ จะไม่สามารถไปสมัครสอบที่สนามสอบได้
3. หลังจากที่สมัครสอบไปแล้ว ผู้สอบจะไม่ได้รับใบเสร็จรับเงิน สำหรับการชำระค่าสอบ เพราะจะได้รับบัตรประจำตัวผู้สอบ ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบเสร็จรับเงิน สำหรับการสอบอยู่แล้ว
4. ควรจะทำการทดสอบ ให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อจะมั่นใจได้ว่า คะแนนสอบ จะถูกส่งถึงวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยที่ระบุไว้ ทันกำหนดปิดรับสมัคร
5. ใบรับสมัครสอบ TOEFL ไม่ใช่ใบสมัครเรียน ในสถาบันต่าง ๆ ดังนั้น เราจะต้องส่งใบสมัครต่างหาก ไปยังสถานศึกษาที่สนใจ
6. คะแนนสอบ ที่มีอายุมากกว่า 2 ปี ทาง ETS ไม่สามารถให้การรับรองได้ และจะไม่จัดส่งคะแนนสอบ ที่มีอายุเกิน 2 ปีให้แก่สถานศึกษาใดๆ
7. หลักฐานแสดงตัวในวันสอบ เป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นมาก เมื่อไปถึงสถานที่สอบ โปรดแน่ใจว่า ไม่ได้ลืมหลักฐานเหล่านั้น ตามที่ระบุไว้ บนบัตรประจำตัวสอบ หากไม่มีหลักฐานจะไม่ได้รับอนุญาต ให้เข้า
8. ต้องเตรียมรูปถ่าย ที่เห็นหน้าและไหล่ได้ชัดเจน เพื่อที่จะติดรูปไว้ที่บัตรประจำตัวผู้สอบ (Admission Ticket)
9. ไม่ควรจะไปรายงานตัวที่สนามสอบ หลังจากเวลาที่ระบุไว้ ในบัตรสอบ
ทดลองทำข้อสอบ TOEFL แบบ ออนไลน์ ได้ที่
*** เว็บไซต์ petersons.com
*** ผลสอบ TOEFL สามารถใช้ได้เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่เข้าสอบเท่านั้น
ผู้เขียน: wimma
http://www.vcharkarn.com/varticle/6/5
No comments:
Post a Comment